มะเร็งตับ



เนื้อหาในบทนี้เฉพาะมะเร็งตับที่กำเนิดจากเซลล์ตับจริงๆ ไม่ใช่มะเร็งท่อน้ำดีนะครับ

ความสำคัญ

เป็นมะเร็งที่พบบ่อยอันดับต้นๆของคนไทย(อันดับสามของชายไทย อันดับเจ็ดของหญิงไทย)

ปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งตับ
  • ตับแข็งจากสาเหตุต่างๆ เช่น ไวรัสตับอักเสบบี หรือซี, เครื่องดื่มอัลกอฮอล์, ตับอักเสบเรื้อรังโดยไม่พบสาเหตุ (ก็มีได้นะ)
  • ไวรัสตับอักเสบบี พบว่าการมีไวรัสตับอักเสบบีจะเกิดมะเร็งตับได้โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนเป็นตับแข็งก่อนก็ได้
อาการของมะเร็งตับ 
ขณะที่ก้อนมะเร็งยังเล็ก คนเรายังไม่มีอาการใดๆ น่าเสียดาย ถ้ารอให้มีอาการต่อไปนี้แสดงว่ามะเร็งตับได้เติบโตลุกลามมากเกินจะรักษาแล้วทุกครั้งไป อาการที่ว่าได้แก่ ปวด แน่นท้องบริเวณด้านขวาบน ปวดบริเวณลิ้นปี่(หากมะเร็งเกิดในตับกลีบซ้าย) เบื่ออาหาร น้ำหนักลด การย่อยอาหารผิดปกติ คลำพบก้อนในท้อง ท้องมาน(ท้องป่องโตขึ้นมาก) ตัวเหลือง ตาเหลือง (ท้องมานและแน่นท้องอาจแยกได้ยากจากภาวะตับแข็งเพียงอย่างเดียว)
ดังนั้น "อย่ารอให้มีอาการจะดีกว่าไหม?"
  1. ตรวจเลือดหาเชื้อไวรัสตับอักเสบ โดยทั่วไปเด็กที่เกิดหลังปี พ.ศ. 2535 จะได้รับวัคซีนป้องกันตับอักเสบบีกันถ้วนหน้าแล้ว แต่ถ้าใครเกิดก่อนหน้านั้น ให้ไปขอตรวจเลือดหาไวรัสบีและซี ถ้าไม่พบเชื้อให้ฉีดวัคซีนป้องกันไว้ด้วย เนื่องจากมันอาจติดต่อได้ทางสายเลือดจากแม่สู่ลูกในครรภ์ ทางเพศสัมพันธ์ และการได้รับเลือดที่มีเชื้ออยู่  และการใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน เท่าที่ทราบการขอตรวจพิเศษนี้ไม่ฟรีนะ
  2. ผู้ที่ทราบแล้วว่ามีเชื้อตับอักเสบอยู่ให้ติดตามกับแพทย์ตลอดไป แพทย์จะได้นัดตรวจติดตามทุกๆ 6 เดือน (อันนี้แพทย์นัดมาตรวจอาจจะฟรี ในโรงพยาบาลรัฐบาล แต่ยารักษาไวรัสตับอักเสบไม่แน่ใจว่าต้องจ่ายเท่าไร) ด้วยอัลตร้าซาวด์และตรวจหาสารบ่งชี้มะเร็งตับ
    การตรวจอัลตร้าซาวด์เพื่อค้นหาก้อนในตับ 1-2) วิธีการตรวจ 3) ภาพอัลตร้าซาวด์แสดงก้อนในตับซึ่งยังต้องการตรวจพิสูจน์ขั้นตอนต่อไป
  3. ผู้ที่เป็นตับแข็งอยู่แล้วแพทย์จะนัดติดตามเป็นระยะๆและเฝ้าระวังมะเร็งตับให้อยู่แล้ว
  4. ผู้ที่ไม่มีความเสี่ยง ตั้งแต่อายุ 35 ปีขึ้นไปควรตรวจสุขภาพประจำปีและตรวจด้วยเครื่องอัลตร้าซาวดน์ช่องท้องไปด้วย (นายจ้างบ่างบริษัทเห็นความสำคัญได้จัดสวัสดิการนี้ให้พนักงาน แต่บางบริษัทหรือราชการจะไม่ได้รับ ถ้าอยากตรวจทุกปีก็ต้องเตรียมเงินส่วนตัวไว้ด้วย)
หากตรวจคัดกรองแล้ว แพทย์พบก้อนเล็กๆในตับตั้งแต่ยังขนาดเล็กเพียง 1-2 ซม. จะมีการพิสูจน์ยืนยันในขั้นตอนถัดไป โดยเริ่มจากวิธีที่ไม่บาดเจ็บก่อน เช่น เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (Computed tomography) หรือตรวจด้วยคลื่นสะท้อนแม่เหล็กไฟฟ้า (Magnetic Resonance Imaging) หากยังยืนยันมะเร็งตับไมได้อีก ก็ถึงคราวต้องเจาะเก็บเนื้อเยื่อจากก้อนไปตรวจแล้ว


การตรวจเอกเซเรย์คอมพิวเตอร์ของช่องท้อง อุโมงวงแหวนนี้มีหลอดเอกซเรย์หมุนรอบร่างกายผู้ป่วยขณะที่เตียงเลื่อนเข้าผ่านช่องกลางวงแหวน คอมพิวเตอร์จะประมวนภาพออกมาเป็นภาพของส่วนต่างๆในร่างกาย


ภาพที่คอมพิวเตอร์แสดงให้เห็น หัวลูกศรชี้ก้อนเล็กๆในตับ ซึ่งภายหลังพิสูจน์ว่าเป็นก้อนมะเร็ง


การเจาะเก็บเนื้อเยื้อจากก้อนเนื้องอกตับ
ปัจจุบันมีเครื่องมือนำทางหลายชนิด ทำให้แพทย์สามารถสอดเข็มเข้าไปเก็บเนื้อเยื่อของเนื้องอกในตับออกมาได้อย่างแม่นยำ แผลเท่ารูเข็ม ไม่ค่อยพบภาวะแทรกซ้อน ภาพที่แสดงด้านล่างเป็นเพียงแผนภาพอย่างง่ายให้เข้าใจ
การเจาะเก็บเนื้อเยื้อจะใช้เพียงฉีดยาชาเฉพาะที่เท่านั้น ไม่ต้องสลบหรือนอนหลับ จึงลดความเสี่ยงต่อยาต่างๆได้ ส่วนใหญ่คนไข้ก่อนทำจะกังวลว่าจะเจ็บมาก ขอให้วางยาสลบ แต่พอได้ทำจริงๆ เจ็บเฉพาะตอนฉีดยาชา ก็เข้าใจหมอ โดยทั่วไปแพทย์จะเช็คเลือดว่า มีการแข็งตัวของเลือดช้ากว่าปกติหรือไม่ ถ้ามีก็จะแก้ไขให้ปกติก่อนทำการเจาะ เพื่อลดความเสี่ยงของการเสียเลือดมากในช่องท้อง
ภาพจากจอเครื่องอัลตราซาวนด์ทำให้แพทย์เห็นตำแหน่งปลายเข็มเจาะได้ชัดเจนลดความผิดพลาดลงได้ เจาะได้ตรงตำแหน่งที่ต้องการ หลีกเลี่ยงภาวะแทรกซ้อนจากการแทงถูกหลอดเลือดใหญ่ๆ ภาพขีดเส้นตรงสีขาวคือเข็มที่เจาะ ปลายเข็มอยู่ในก้อนหยักๆสีเทา

การเจาะสมัยนี้สะดวกมาก ผู้ป่วยมีแผลเพียงรูเข็มซึ่งจะสมานปิดได้เองภายใน 24 ชั่วโมง นอนในโรงพยาบาลเพียงคืนเดียว ก็กลับบ้านได้
โดยทั่วไปจะทราบผลวินิจฉัยชิ้นเนื้อประมาณ 7 วันหลังการเจาะตรวจ ระหว่างรอนี้ผู้ป่วยคงกระวนกระวายใจน่าดู

การรักษามะเร็งตับ

พิจารณาจากขนาดของก้อน จำนวนของก้อนและสภาวะผู้ป่วยที่จะรับการรักษาชนิดนั้นได้หรือไม่
การผ่าตัดตับกลีบที่มีเนื้องอกออก ก้อนต้องยังเล็กขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกิน 2 เซนติเมตร เป็นก้อนเดียวและผู้ป่วยต้องมีสภาวะที่รับการผ่าตัดใหญ่ได้


แผนภาพการตัดตับกลีบขวาซึ่งมีมะเร็งตับอยู่แต่ในภาพนี้ก้อนดูจะใหญ่เกินไปที่จะผ่าแบบนี้ได้

การผ่าตัดเปลี่ยนตับ ก้อนเริ่มมีขนาดใหญ่ขึ้นแต่ไม่เกิน 3 เซนติเมตรและจำนวนไม่เกิน 3 ก้อนและผู้ป่วยต้องรับสภาวะการผ่าตัดใหญ่ได้ ที่สำคัญมีผู้บริจาคตับที่เนื้อเยื่อสามารถเข้ากับผู้ป่วยได้


แผนภาพการนำตับจากผู้บริจาคมาต่อให้กับผู้ป่วยหลังจากผ่าตัดเเอาตับที่มีมะเร็งออกไปแล้ว ตับกลีบซ้ายของผู้บริจาคยังเหลืออยู่และมีชีวิตอยู่ได้ตามปกติ

การใช้เข็มความร้อนหรือความเย็น ก้อนเริ่มมีขนาดใหญ่ขึ้นแต่ไม่เกิน 3 เซนติเมตรและจำนวนไม่เกิน 3 ก้อนแต่ผู้ป่วยไม่น่าจะทนการผ่าตัดใหญ่ได้ หรือผ่าตัดได้แต่กำลังรอตับจากผู้บริจาคอยู่


แผนภาพแสดงการสอดเข็มความร้อนผ่านทางผิวหนังเข้าไปในเนื้องอก โดยมีเครื่องมือภาพนำร่อง (IMAGING GUIDANCE) เมื่อเข็มเข้าไปตรงตำแหน่งก็จะต่อเข็มเข้ากับเครื่องกำเนิดความร้อนเพื่อเปล่งความร้อนออกจากบริเวณรอบๆปลายเข็มเพื่อเผาให้เนื้อมะเร็งตับตายการรักษานี้ต้อง มีการให้ยานอนหลับและยาแก้ปวด

การให้ยาเคมีและอุดหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงเนื้องอก ก้อนเดี่ยวมีขนาดใหญ่กว่า 3 เซนติเมตร หรือขนาดใดก็ได้จำนวนมากกว่า 3 ก้อน เนื้องอกยังไม่กระจายออกนอกตับหรือหลอดเลือดดำใหญ่ของตับ
แผนภาพแสดงการสอดท่อจากหลอดเลือดแดงขาหนีบข้างขวา บังคับให้สายสวนเข้าไปยังหลอดเลือดแดงของตับแขนงที่ไปหล่อเลี้ยงก้อนมะเร็ง แล้วปล่อยยาเคมีบำบัดตามด้วยวัสดุอุดกั้นหลอดเลือดเพื่อให้ตัวเคมีทำลายมะเร็ง วิธีใช้เพียงการฉีดยาชาบริเวณขาหนีบ และอยู่ในห้องเอกซเรย์สำหรับหลอดเลือดโดยเฉพาะ

การให้ยาเคมีบำบัดบรรเทาอาการ กรณีรักษาแบบข้างต้นไม่ได้แล้วเนื่องจากก้อนกระจายออกนอกตับแล้ว ถ้าผู้ป่วยยังไม่แย่ขนาดนอนอย่างเดียว อาจพิจารณายาเคมีบำบัดชนิดรับประทาน (ราคาแพงมาก)

การรักษาประคับประคองอาการ กรณีที่ไม่สามารถให้การรักษาข้างต้นได้แล้วเนื่องจากผู้ปวยสภาวะแย่มาก จำเป็นต้องให้การรักษาเพียงเพื่อบรรเทาอาการที่เป็นอยู่เพื่อให้ผู้ป่วยจากไปอย่างสงบ

โดยสรุป มะเร็งตับ เป็นมะเร็งที่อันตราย แม้มีการป้องกันปัจจัยเสี่ยงได้บางส่วน แต่อย่างไรก็ตามการคัดกรองหามะเร็งนี้จำเป็นต้องลงทุนเองสำหรับบางคน และบางคนอาจจะโชคดีที่ได้ตรวจฟรี เพราะหากรอให้มะเร็งแสดงอาการก็คือระยะเป็นมากไม่สามารถให้การรักษาที่ได้ผลอยู่รอดได้นานนัก การรักษามะเร็งระยะเริ่มต้นที่ดีทีสุดน่าจะเป็นการผ่าตัดเปลี่ยนตับ แต่สำหรับเมืองไทยการหาผู้บริจาคอวัยวะยากแสนสาหัส นอกจากนี้แต่ละการรักษาก็มีค่าใช้จ่ายที่สูงมากทีเดียว คุณผู้อ่านก็จงเตรียมพร้อมด้านการเงินด้วย เพราะจะหวังพึ่งพาสวัสดิการสังคมเห็นจะเป็นไปได้ยากขึ้นทุกวัน

เป็นยังไงบ้างบทความนี้ หากคุณอยากติดตามบทความ การรักษาแบบรูเล็ก เจ็บน้อยอีก ให้ไปกดปุ่ม facebook like นะครับ


    กลับ หน้า สารบัญบทความ


    Link พัฒนาตนเอง

    1. แนวทางพัฒนาการคิด
    2. กด like ให้drrattawach fanpage

    ไม่มีความคิดเห็น:

    แสดงความคิดเห็น