ไขมันมากในตับ

ไขมันมากในตับ (Fatty Liver)

เรื่องนี้ไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับแนวทางรักษารูเล็กเท่าไร แต่แฟนๆขอมาจึงขอแบ่งปันให้อ่านครับ

ตับอยู่ส่วนไหนของร่างกายนะ?

ดูตามภาพเลยครับ
แผนภาพลำตัวมนุษย์แสดงตำแหน่ง รูปร่างของตับ (LIVER)

ถ้าตับเสียจะเกิดอะไรขึ้น?

ระยะสุดท้ายของตับเสียการทำงานคือ ตับแข็ง (Cirrhosis อ่านว่า เซอ-โร-สีด) อาการ เหลือง บวม แขนขาผอม ท้องมีน้ำมาก (ท้องมาน) อ่อนเพลีย ถ่ายหรืออาเจียนเป็นเลือด


ไขมันมากในตับเป็นอย่างไร?

เป็นภาวะที่เซลล์ไขมันในตับเก็บสะสมไขมันไว้มากขึ้นๆจนเซลล์ตับมีที่อยู่น้อยลง (โดนแย่งที่) เมื่อนานวันเข้ามันจะกระตุ้นให้่ตับอักเสบเรื้อรัง (ยังไม่ทราบกลไกแน่ชัด) เซลล์ตับ(แท้ๆ) ก็น้อยลงแต่เซลล์ไขมันใหญ่ขึ้น จะเห็นว่าระยะนี้ตับใหญ่ขึ้น เมื่อเซลล์ตับอักเสบจนเกือบเกลี้ยงแล้วจะถูกแทนที่ด้วยเนื้อพังผืด ซึ่งจะดีงรั้งให้ตับหดเล็กลง ก็คือตับแข็ง
http://liverbasics.com/fatty-liver-disease.jpg
แผนภาพแสดงการเปลี่ยนแปลง จากตับปกติ (Normal Liver) มาสู่ไขมันสะสมในตับ (Fatty liver) จนระยะสุดท้ายตับแข็ง (Cirrhosis)

สาเหตุของไขมันมากในตับมีอะไรบ้าง?

ส่วนใหญ่เกิดจากเราทำตัวเอง คือ รับประทานพลังงานมากเกินขนาด เช่น แป้งน้ำตาล ไขมัน สัตว์บก แอลกอฮอล์
สาเหตุส่วนน้อยไม่ทราบแน่ชัด คือโชคร้าย ที่มีภูมิคุุ้มกันต่อต้านร่างกายตัวเอง แพ้ยาบางชนิด

มีคนเป็นไขมันสะสมในตับมากไหม?

หมอตรวจอัลตร้าซาวดน์คนปกติ (ไม่มีอาการ) ที่มาตรวจสุขภาพกว่าครี่งเป็นภาพอัลตร้าซาวดน์เป็นไขมันสะสม

ภาพจากเครื่องตรวจคลื่นความถี่สูงอัลตร้าซาวดน์ (ultrasonography) ซ้าย(ปกติ) จะเห็นสีค่อนข้างดำกว่า และขอบของเส้นเลือดภายในตับ (เส้นสีดำ) คมชัด ขวา (ไขมันสะสมในตับ) เนื้อตับสีขาวกว่า และเห็นขอบของเส้นเลือดภายในตับไม่คมชัด

โอกาสที่ไขมันมากในตับจะเป็นตับแข็งมากไหม?

ข่าวดี คือ โอกาสที่จะเป็นไขมันในตับมากจนเกิดตับแข็งนั้นน้อยมาก
ข่าวร้าย คือ มันเป็นความผิดปกติในกลุ่มเดียวกับโรคพวกเบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ดังนั้นโอกาสที่คุณจะเสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตันหรือหลอดเลือดสมองตีบหรือแตกจะสูงอยู่มากกว่าโอกาสเป็นตับแข็ง
ลองคิดดูครับว่า เมื่อคุณมีทั้งเบาหวาน ความดันโลหิตสูง หลอดเลือดสมองตีบ ก็แย่แล้วแถมต่อมาตับแข็งอีกและอาจตามมาด้วยมะเร็งตับ ตอนนั้นก็ยากที่จะเยียวยารักษา
ดังนั้น จงควบคุมอาหารเพื่อระวังโรคหัวใจและหลอดเลือดและเบาหวานก็เป็นการลดไขมันในตับเช่นเดียวกัน
เรื่องการควบคุมอาหาร เป็นเรื่องที่ต้องมีความตั้งใจอย่างสูงจริงๆ จึงจะสำเร็จ
ผู้ใดชนะใจตัวเอง ต่อสู้กับความอยากรับประทานอาหารอร่อยๆได้ ก็จะช่วยชะลอความเสื่อมของตัวเองลงได้บ้าง

ว่าแต่ ในโลกนี้จะมีคนที่ชนะใจตัวเองได้สักแค่ไหนหนอ?


คุณผู้อ่านจะได้รับการแจ้งเตือนเมือหมอออกบทความใหม่ๆ หากคุณสมัครรับข่าวทางอีเมล์ด้านขวา หรือกด like ที่ link facebook ด้านขวาหรือด้านล่างนะครับ

กลับ หน้า สารบัญบทความ

Link พัฒนาตนเอง

1. แนวทางพัฒนาการคิด
2. กด like ให้drrattawach fanpage

มะเร็งตับ



เนื้อหาในบทนี้เฉพาะมะเร็งตับที่กำเนิดจากเซลล์ตับจริงๆ ไม่ใช่มะเร็งท่อน้ำดีนะครับ

ความสำคัญ

เป็นมะเร็งที่พบบ่อยอันดับต้นๆของคนไทย(อันดับสามของชายไทย อันดับเจ็ดของหญิงไทย)

ปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งตับ
  • ตับแข็งจากสาเหตุต่างๆ เช่น ไวรัสตับอักเสบบี หรือซี, เครื่องดื่มอัลกอฮอล์, ตับอักเสบเรื้อรังโดยไม่พบสาเหตุ (ก็มีได้นะ)
  • ไวรัสตับอักเสบบี พบว่าการมีไวรัสตับอักเสบบีจะเกิดมะเร็งตับได้โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนเป็นตับแข็งก่อนก็ได้
อาการของมะเร็งตับ 
ขณะที่ก้อนมะเร็งยังเล็ก คนเรายังไม่มีอาการใดๆ น่าเสียดาย ถ้ารอให้มีอาการต่อไปนี้แสดงว่ามะเร็งตับได้เติบโตลุกลามมากเกินจะรักษาแล้วทุกครั้งไป อาการที่ว่าได้แก่ ปวด แน่นท้องบริเวณด้านขวาบน ปวดบริเวณลิ้นปี่(หากมะเร็งเกิดในตับกลีบซ้าย) เบื่ออาหาร น้ำหนักลด การย่อยอาหารผิดปกติ คลำพบก้อนในท้อง ท้องมาน(ท้องป่องโตขึ้นมาก) ตัวเหลือง ตาเหลือง (ท้องมานและแน่นท้องอาจแยกได้ยากจากภาวะตับแข็งเพียงอย่างเดียว)
ดังนั้น "อย่ารอให้มีอาการจะดีกว่าไหม?"
  1. ตรวจเลือดหาเชื้อไวรัสตับอักเสบ โดยทั่วไปเด็กที่เกิดหลังปี พ.ศ. 2535 จะได้รับวัคซีนป้องกันตับอักเสบบีกันถ้วนหน้าแล้ว แต่ถ้าใครเกิดก่อนหน้านั้น ให้ไปขอตรวจเลือดหาไวรัสบีและซี ถ้าไม่พบเชื้อให้ฉีดวัคซีนป้องกันไว้ด้วย เนื่องจากมันอาจติดต่อได้ทางสายเลือดจากแม่สู่ลูกในครรภ์ ทางเพศสัมพันธ์ และการได้รับเลือดที่มีเชื้ออยู่  และการใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน เท่าที่ทราบการขอตรวจพิเศษนี้ไม่ฟรีนะ
  2. ผู้ที่ทราบแล้วว่ามีเชื้อตับอักเสบอยู่ให้ติดตามกับแพทย์ตลอดไป แพทย์จะได้นัดตรวจติดตามทุกๆ 6 เดือน (อันนี้แพทย์นัดมาตรวจอาจจะฟรี ในโรงพยาบาลรัฐบาล แต่ยารักษาไวรัสตับอักเสบไม่แน่ใจว่าต้องจ่ายเท่าไร) ด้วยอัลตร้าซาวด์และตรวจหาสารบ่งชี้มะเร็งตับ
    การตรวจอัลตร้าซาวด์เพื่อค้นหาก้อนในตับ 1-2) วิธีการตรวจ 3) ภาพอัลตร้าซาวด์แสดงก้อนในตับซึ่งยังต้องการตรวจพิสูจน์ขั้นตอนต่อไป
  3. ผู้ที่เป็นตับแข็งอยู่แล้วแพทย์จะนัดติดตามเป็นระยะๆและเฝ้าระวังมะเร็งตับให้อยู่แล้ว
  4. ผู้ที่ไม่มีความเสี่ยง ตั้งแต่อายุ 35 ปีขึ้นไปควรตรวจสุขภาพประจำปีและตรวจด้วยเครื่องอัลตร้าซาวดน์ช่องท้องไปด้วย (นายจ้างบ่างบริษัทเห็นความสำคัญได้จัดสวัสดิการนี้ให้พนักงาน แต่บางบริษัทหรือราชการจะไม่ได้รับ ถ้าอยากตรวจทุกปีก็ต้องเตรียมเงินส่วนตัวไว้ด้วย)
หากตรวจคัดกรองแล้ว แพทย์พบก้อนเล็กๆในตับตั้งแต่ยังขนาดเล็กเพียง 1-2 ซม. จะมีการพิสูจน์ยืนยันในขั้นตอนถัดไป โดยเริ่มจากวิธีที่ไม่บาดเจ็บก่อน เช่น เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (Computed tomography) หรือตรวจด้วยคลื่นสะท้อนแม่เหล็กไฟฟ้า (Magnetic Resonance Imaging) หากยังยืนยันมะเร็งตับไมได้อีก ก็ถึงคราวต้องเจาะเก็บเนื้อเยื่อจากก้อนไปตรวจแล้ว


การตรวจเอกเซเรย์คอมพิวเตอร์ของช่องท้อง อุโมงวงแหวนนี้มีหลอดเอกซเรย์หมุนรอบร่างกายผู้ป่วยขณะที่เตียงเลื่อนเข้าผ่านช่องกลางวงแหวน คอมพิวเตอร์จะประมวนภาพออกมาเป็นภาพของส่วนต่างๆในร่างกาย


ภาพที่คอมพิวเตอร์แสดงให้เห็น หัวลูกศรชี้ก้อนเล็กๆในตับ ซึ่งภายหลังพิสูจน์ว่าเป็นก้อนมะเร็ง


การเจาะเก็บเนื้อเยื้อจากก้อนเนื้องอกตับ
ปัจจุบันมีเครื่องมือนำทางหลายชนิด ทำให้แพทย์สามารถสอดเข็มเข้าไปเก็บเนื้อเยื่อของเนื้องอกในตับออกมาได้อย่างแม่นยำ แผลเท่ารูเข็ม ไม่ค่อยพบภาวะแทรกซ้อน ภาพที่แสดงด้านล่างเป็นเพียงแผนภาพอย่างง่ายให้เข้าใจ
การเจาะเก็บเนื้อเยื้อจะใช้เพียงฉีดยาชาเฉพาะที่เท่านั้น ไม่ต้องสลบหรือนอนหลับ จึงลดความเสี่ยงต่อยาต่างๆได้ ส่วนใหญ่คนไข้ก่อนทำจะกังวลว่าจะเจ็บมาก ขอให้วางยาสลบ แต่พอได้ทำจริงๆ เจ็บเฉพาะตอนฉีดยาชา ก็เข้าใจหมอ โดยทั่วไปแพทย์จะเช็คเลือดว่า มีการแข็งตัวของเลือดช้ากว่าปกติหรือไม่ ถ้ามีก็จะแก้ไขให้ปกติก่อนทำการเจาะ เพื่อลดความเสี่ยงของการเสียเลือดมากในช่องท้อง
ภาพจากจอเครื่องอัลตราซาวนด์ทำให้แพทย์เห็นตำแหน่งปลายเข็มเจาะได้ชัดเจนลดความผิดพลาดลงได้ เจาะได้ตรงตำแหน่งที่ต้องการ หลีกเลี่ยงภาวะแทรกซ้อนจากการแทงถูกหลอดเลือดใหญ่ๆ ภาพขีดเส้นตรงสีขาวคือเข็มที่เจาะ ปลายเข็มอยู่ในก้อนหยักๆสีเทา

การเจาะสมัยนี้สะดวกมาก ผู้ป่วยมีแผลเพียงรูเข็มซึ่งจะสมานปิดได้เองภายใน 24 ชั่วโมง นอนในโรงพยาบาลเพียงคืนเดียว ก็กลับบ้านได้
โดยทั่วไปจะทราบผลวินิจฉัยชิ้นเนื้อประมาณ 7 วันหลังการเจาะตรวจ ระหว่างรอนี้ผู้ป่วยคงกระวนกระวายใจน่าดู

การรักษามะเร็งตับ

พิจารณาจากขนาดของก้อน จำนวนของก้อนและสภาวะผู้ป่วยที่จะรับการรักษาชนิดนั้นได้หรือไม่
การผ่าตัดตับกลีบที่มีเนื้องอกออก ก้อนต้องยังเล็กขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกิน 2 เซนติเมตร เป็นก้อนเดียวและผู้ป่วยต้องมีสภาวะที่รับการผ่าตัดใหญ่ได้


แผนภาพการตัดตับกลีบขวาซึ่งมีมะเร็งตับอยู่แต่ในภาพนี้ก้อนดูจะใหญ่เกินไปที่จะผ่าแบบนี้ได้

การผ่าตัดเปลี่ยนตับ ก้อนเริ่มมีขนาดใหญ่ขึ้นแต่ไม่เกิน 3 เซนติเมตรและจำนวนไม่เกิน 3 ก้อนและผู้ป่วยต้องรับสภาวะการผ่าตัดใหญ่ได้ ที่สำคัญมีผู้บริจาคตับที่เนื้อเยื่อสามารถเข้ากับผู้ป่วยได้


แผนภาพการนำตับจากผู้บริจาคมาต่อให้กับผู้ป่วยหลังจากผ่าตัดเเอาตับที่มีมะเร็งออกไปแล้ว ตับกลีบซ้ายของผู้บริจาคยังเหลืออยู่และมีชีวิตอยู่ได้ตามปกติ

การใช้เข็มความร้อนหรือความเย็น ก้อนเริ่มมีขนาดใหญ่ขึ้นแต่ไม่เกิน 3 เซนติเมตรและจำนวนไม่เกิน 3 ก้อนแต่ผู้ป่วยไม่น่าจะทนการผ่าตัดใหญ่ได้ หรือผ่าตัดได้แต่กำลังรอตับจากผู้บริจาคอยู่


แผนภาพแสดงการสอดเข็มความร้อนผ่านทางผิวหนังเข้าไปในเนื้องอก โดยมีเครื่องมือภาพนำร่อง (IMAGING GUIDANCE) เมื่อเข็มเข้าไปตรงตำแหน่งก็จะต่อเข็มเข้ากับเครื่องกำเนิดความร้อนเพื่อเปล่งความร้อนออกจากบริเวณรอบๆปลายเข็มเพื่อเผาให้เนื้อมะเร็งตับตายการรักษานี้ต้อง มีการให้ยานอนหลับและยาแก้ปวด

การให้ยาเคมีและอุดหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงเนื้องอก ก้อนเดี่ยวมีขนาดใหญ่กว่า 3 เซนติเมตร หรือขนาดใดก็ได้จำนวนมากกว่า 3 ก้อน เนื้องอกยังไม่กระจายออกนอกตับหรือหลอดเลือดดำใหญ่ของตับ
แผนภาพแสดงการสอดท่อจากหลอดเลือดแดงขาหนีบข้างขวา บังคับให้สายสวนเข้าไปยังหลอดเลือดแดงของตับแขนงที่ไปหล่อเลี้ยงก้อนมะเร็ง แล้วปล่อยยาเคมีบำบัดตามด้วยวัสดุอุดกั้นหลอดเลือดเพื่อให้ตัวเคมีทำลายมะเร็ง วิธีใช้เพียงการฉีดยาชาบริเวณขาหนีบ และอยู่ในห้องเอกซเรย์สำหรับหลอดเลือดโดยเฉพาะ

การให้ยาเคมีบำบัดบรรเทาอาการ กรณีรักษาแบบข้างต้นไม่ได้แล้วเนื่องจากก้อนกระจายออกนอกตับแล้ว ถ้าผู้ป่วยยังไม่แย่ขนาดนอนอย่างเดียว อาจพิจารณายาเคมีบำบัดชนิดรับประทาน (ราคาแพงมาก)

การรักษาประคับประคองอาการ กรณีที่ไม่สามารถให้การรักษาข้างต้นได้แล้วเนื่องจากผู้ปวยสภาวะแย่มาก จำเป็นต้องให้การรักษาเพียงเพื่อบรรเทาอาการที่เป็นอยู่เพื่อให้ผู้ป่วยจากไปอย่างสงบ

โดยสรุป มะเร็งตับ เป็นมะเร็งที่อันตราย แม้มีการป้องกันปัจจัยเสี่ยงได้บางส่วน แต่อย่างไรก็ตามการคัดกรองหามะเร็งนี้จำเป็นต้องลงทุนเองสำหรับบางคน และบางคนอาจจะโชคดีที่ได้ตรวจฟรี เพราะหากรอให้มะเร็งแสดงอาการก็คือระยะเป็นมากไม่สามารถให้การรักษาที่ได้ผลอยู่รอดได้นานนัก การรักษามะเร็งระยะเริ่มต้นที่ดีทีสุดน่าจะเป็นการผ่าตัดเปลี่ยนตับ แต่สำหรับเมืองไทยการหาผู้บริจาคอวัยวะยากแสนสาหัส นอกจากนี้แต่ละการรักษาก็มีค่าใช้จ่ายที่สูงมากทีเดียว คุณผู้อ่านก็จงเตรียมพร้อมด้านการเงินด้วย เพราะจะหวังพึ่งพาสวัสดิการสังคมเห็นจะเป็นไปได้ยากขึ้นทุกวัน

เป็นยังไงบ้างบทความนี้ หากคุณอยากติดตามบทความ การรักษาแบบรูเล็ก เจ็บน้อยอีก ให้ไปกดปุ่ม facebook like นะครับ


    กลับ หน้า สารบัญบทความ


    Link พัฒนาตนเอง

    1. แนวทางพัฒนาการคิด
    2. กด like ให้drrattawach fanpage

    สายน้ำเกลือแบบใหม่ PICC line

    อันนี้สำหรับคนที่ป่วยนานหน่อยครับ (ถ้านอนป่วยแค่ 2-3 วันก็ไม่จำเป็น ยกเว้นหาเส้นไม่ได้จริงๆ)
    เวลาคนป่วยนอนในโรงพยาบาลต้องแทงเข็มคาท่อน้ำเกลือเล็กๆในหลอดเลือดดำตามแขนหรือขา
    แต่คุณทราบไหมว่า พยาบาลจะต้องเปลี่ยนจุดแทงเข็มเพื่อต่อท่อน้ำเกลือทุกๆ 3 วัน เพื่อป้องกันภาวะหลอดเลือดดำอักเสบและหลอดเลือดดำอุดตันไป ผู้ป่วยต้องถูกแทงเข็มจุดใหม่ทุกๆ 3 วัน ผู้ป่วยแต่ละคนพยาบาลจะหาเส้นเลือดดำยากง่ายไม่เท่ากัน คนที่หายากก็ต้องทนเจ็บหลายหน
    บางกรณีคนไข้จำเป็นต้องได้รับยาทางหลอดเลือดดำ แต่เป็นยาที่ระคายเคืองหลอดเลือดดำมาก อาจทำให้หลอดเลือดดำอักเสบอีก การแก้ปัญหาของแพทย์คือต้องแทงเส้นเลือดดำใหญ่บริเวณคอหรือใต้ไขปลาร้า ดังรูป 
    การใส่สายหลอดเลือดใหญ่ส่วนกลาง บริเวณใต้ไขปลาร้า จะเห็นกว่าจุดทีแทงหลอดเลือดดำอยู่ใกล้ปอดของคุณและบริเวณนี้จะมีเหงื่อออกมากทำให้ติดเชื้อง่าย

    แต่ปัญหาของแทงเส้นในหลอดเลือดดำใหญ่คือมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ทะลุเนื้อปอด และโอกาสติดเชื้อง่ายกว่าจึงคาสายไว้ไม่ได้นาน

    จึงมีคนคิดค้นสายที่สามารถใส่เข้าหลอดเลือดดำบริเวณท่อนแขนแต่สายสอดอยู่ภายในหลอดเลือดดำปลายสายต่อเนื่องมาถึงหลอดเลือดดำใหญ่ขั้วหัวใจเรียกว่า PICC (Peripherally Inserted Central Catheter) Line ดังรูป



    หลอดเลือดบริเวณท่อนแขน เราไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าได้ เวลาจะแทงเข็มสอดสายเข้าหลอดเลือดดำได้จึงต้องมีเครื่องนำทางคือ อัลตร้าซาวนด์ หมอจะเห็นเข็มและหลอดเลือดดำผ่านจออัลตร้าซาวนด์จึงสอดเข็มเข้าได้อย่างแม่นยำ
    การใช้เครื่องอัลตร้าซาวนด์เป็นตัวบอกภาพตำแหน่งเส้นเลือดช่วยให้แพทย์รู้ว่าเข็มกำลังลงไปยังส่วนไหนของเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังของผู้ป่วย


    นี่คือภาพจากจออัลตร้าซาวนด์แสดงให้ทราบว่าเราเห็นสายลวดนำอยู่ภายในหลอดเลือดดำแน่นอน ไม่ออกนอกเส้นทางแต่อย่างใด จึงมีความปลอดภัยสูง อีกอย่างหนึ่งแทงเข็มใต้แขนไม่มีเนื้อปอดจึงไม่ต้องกลัวภาวะแทงโดนเนื้อปอด

    หลังจากใส่สายแล้วจะเห็นเฉพาะต้นสายโผล่ออกจากผิวหนังต้นแขนเท่านั้น หลังจากนั้นปิดพลาสเตอร์ไว้ทำแผลทุกวัน จุดนี้ก็ใช้ต่อกันสายน้ำเกลือ หรือให้เลือดให้สารอาหารหรือดูดเลือดไปตรวจ ก็ไม่ทำให้ผู้ป่วยเจ็บอีกต่อไปละครับ
    ภาพหลังจากใส่สาย PICC line สวยงาม ดูแลง่าย ใช้ได้ทนนานหลายสัปดาห์


    ข้อดีของการใส่ PICC line

    • เจ็บตัวครั้งเดียวอยู่ได้นานเกือบเดือน
    • ผู้ป่วยนอกที่ต้องมาฉีดยาบ่อยๆ คาสายกลับบ้านเลย
    • ลดเวลาพยาบาลในการหาเส้นผู้ป่วยบ่อยๆ
    ข้อเสีย

    • ราคาสายยังแพงอยู่
    • บุคลากรที่ใส่สายเป็นยังไม่เพียงพอ


    เป็นยังไงบ้างบทความนี้ หากคุณอยากติดตามบทความ การรักษาแบบรูเล็ก เจ็บน้อยอีก ให้ไปกดปุ่ม f แนะนำ ด้านขวาได้นะครับ ใครดูผ่านมือถือสมาร์ทโฟนอาจไม่เห็นปุ่ม like ให้เข้ามากดในเฟสบุ๊คเพจ นี้นะครับ http://www.facebook.com/drrattawachir 

    กลับ หน้า สารบัญบทความ

    Link พัฒนาตนเอง

    1. แนวทางพัฒนาการคิด
    2. กด like ให้drrattawach fanpage

    ไอเป็นเลือด (hemoptysis) รักษาโดยอุดเส้นเลือด

    มีแฟนเพจทางเฟสบุ๊ค ขอให้ช่วยเล่าเรื่อง การอุดเส้นเลือดรักษาภาวะไอเป็นเลือด 
    หมอก็เลยต้องตามใจแฟนๆ นำเรื่องนี้แซงเรื่องอื่นๆขึ้นมาก่อน 

    ขอให้ดูภาพทางเดินหายใจด้านล่าง

    http://www.reflexologyprof.com/Newsletter/images/bronchial.gif
    สีฟ้าคือทางเดือนหายใจเริ่มจากจมูก ปาก ลงมายังหลอดลมใหญ่ และหลอดลมฝอยในปอดทั้งสองข้าง
    ภาพแสดงปอดและหลอดลม สีแดงที่เป็นกิ่งก้านของหลอดเลือดแดงใหญ่คือระบบหลอดเลือดที่หล่อเลี้ยงหลอดลมของปอดทั้งสองข้างหากหลอดเลือดของหลอดลมฉีดขาดจากโรคต่างๆส่งผลให้ผู้ป่วยไอออกมาเป็นเลือด


    ไอเป็นเลือด เป็นภาวะที่หลอดเลือดหลอดลมฝอยฉีกขาดและระบายเข้าสู่หลอดลม ทำให้ผู้ป่วยระคายเคืองและไอออกมา

    สาเหตุของการไอเป็นเลือด มากมายตั้งแต่การอักเสบของปอด หลอดเลือดผิดปกติ หรือมะเร็งปอด เป็นต้น

    ถ้าไอเป็นเลือดปริมาณน้อยๆ ก็รักษาตามสาเหตุ

    แต่ถ้าไอมีเลือดออกปริมาณมาก จะรอรักษาตามสาเหตุคงไม่ไหว สมัยก่อนจะต้องรีบผ่าตัดใหญ่
    ปัจจุบันมีวิธีการสวนหลอดเลือดด้วยสายสวนเล็กๆและปล่อยอนุภาคหรือขดลวดเล็กเข้าในหลอดเลือดกระตุ้นให้หลอดเลือดของหลอดลมอุดตัน และให้หยุดไอเป็นเลือดได้ ตัวอย่างภาพ

    ผู้ป่วยอยู่ในห้องตรวจหลอดเลือด

    แพทย์ใส่หลอดสวนเข้าทางหลอดเลือดแดงขาหนีบบังคับหลอดสวนเคลื่อนไปถึงจุดที่เป็นหลอดเลือดแดงของหลอดลม


    เมื่อฉีดสีเอกซเรย์หลอดเลือดหลอดลมปอดข้างซ้าย พบกลุ่มเส้นเลือดผิดปกติกระจุกเป็นร่างแหอยู่ด้านบนของปอดกลีบซ้าย จึงอุดด้วยเม็ดพลาสติกเล็กและขดลวดขนาดเล็ก


    หลังการอุดฉีดสีเอกซเรย์หลอดเลือดจะเห็นกลุ่มหลอดเลือดผิดปกติหายไป เลือดหยุดไหล
    • ผู้ป่วยมีแผลเล็กๆตรงขาหนีบ ขนาดประมาณ 5 มิลลิเมตร
    • ใช้เพียงการฉีดยาชาที่ขาหนีบ ไม่ใช้ยาสลบ (กรณีที่ผู้ป่วยนอนนิ่งๆได้)
    • ระยะเวลารักษาง่ายๆ 2 ชั่วโมงกว่า ถ้ายากๆ ก็จะนานกว่านี้
    หากมีคำถามให้ถามในกล่องด้านล่างนะครับ

    กลับ หน้า สารบัญบทความ


    Link พัฒนาตนเอง

    1. แนวทางพัฒนาการคิด
    2. กด like ให้drrattawach fanpage

    เนื้องอกมดลูก-การรักษาแบบไม่ผ่าตัด

    เนื้องอกกล้ามเนื้อมดลูก (Uterine Fibroid) ไม่ใช่มะเร็ง เกิดขึ้นเองโดยไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด 
    ดังนั้นหากไม่มีอาการ ไม่จำเป็นต้องรักษา

    ซ้าย มดลูกในช่องท้อง
    ขวา ขยายภาพเนื้องอกอยู่ภายในชั้นกล้ามเนื้อมดลูก
    แล้วเมื่อไรจึงจะต้องรักษา เมื่ออาการต่อไปนี้กระทบการดำเนินชีวิตประจำวันของคุณ ได้แก่
    • ประจำเดือนมามาก
    • ซีด
    • ปวดท้องน้อย
    • รู้สึกมีก้อนกด
    • ปัสสาวะบ่อย
    • ท้องผูก
    • มีบุตรยาก
    • ปวดหลัง
    การรักษา มีหลายวิธีตั้งแต่ให้ยา, ผ่าตัด(อีกหลายเทคนิคการผ่าตัด), ให้คลื่นเสียงความถี่สูง, การอุดเส้นเลือดมดลูก

    บทความนี้จะกล่าวถึงการรักษารูเล็กนั่่นคือ การอุดเส้นเลือดมดลูก
    (Uterine Fibroid Embolization = UFE)
    UFE คือการรักษาที่ไม่ใช้ยาสลบ แพทย์จะฉีดยาชาและเปิดปากแผลที่บริเวณขาหนีบทั้งสองข้างสอดท่อเล็กๆเข้าไปในเส้นเลือดแดงขาและบังคับให้ท่อเข้าไปอยู่ในหลอดเลือดมดลูกและปล่อยวัสดุอุดเส้นเลือดเป็นอนุภาคเล็กๆทำให้หลอดเลือดมดลูกอุดตัน เสร็จแล้วก็ถอดท่อออกปิดแผลโดยไม่ต้องเย็บแผล 
    เนื้องอกมดลูกที่ขาดเลือดไปเลี้ยงจะค่อยๆฝ่อเล็กลงจนอาการของผู้ป่วยหายไป
    แสดงการอุดเส้นเลือดมดลูกรักษาเนื้องอกมดลูก

     อาการหลังรักษา ภายใน 2-3 วันแรกคุณจะมีอาการข้างเคียงจากมดลูกขาดเลือดคือ ปวดท้องเกร็ง คลื่นไส้ มีไข้ต่ำ ได้ ซึงแพทย์ได้เตรียมยาแก้ปวดและคลื่นไส้ให้ไว้ล่วงหน้าแล้ว

    เนื้องอกกล้ามเนื้อมดลูกมีวิธีรักษาได้หลายวิธี วิธี UFE เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ทีไม่อยากมีแผลผ่าตัด 
    การรักษาด้วยวิธีไหนก็ต้องเหมาะกับตัวคุณและความพร้อมของแพทย์ในท้องถิ่นที่ท่านอยู่ด้วย

    หากมีคำถาม comment มาได้เลยครับทั้งทาง google+ และ facebook fanpage

    กลับ หน้า สารบัญบทความ


    Link พัฒนาตนเอง

    1. แนวทางพัฒนาการคิด
    2. กด like ให้drrattawach fanpage

    เจาะเต้านม ง่าย ปลอดภัย รูเล็ก เจ็บน้อย

    ความผิดปกติของเต้านมซึ่่งตรวจพบจากภาพเอกซเรย์เต้านม (Mammograms) หรือภาพคลื่นเสียงความถี่สูง (Ultrasonograms) และแพทย์เห็นว่ามีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งได้มากกว่าร้อยละ 2 ขึ้นไป จำเป็นต้องได้รับพิสูจน์ชิ้นเนื้อ แต่แพทย์จะไม่ผลีผลามผ่าตัดลงไปในครั้งแรกที่พบ เพราะรอยโรคแต่ละอย่างต้องได้รับการผ่าตัดต่างวิธีกัน วิธีพิสูจน์ชิ้นเนื้อในปัจจุบันจึงเพียงใช้เข็มเล็กๆแทงผ่านเข้าไปยังรอยโรค
    หมอจะอธิบายวิธีการเจาะเก็บชิ้นเนื้อเพื่อให้เข้าใจขั้นตอนและไม่เกิดความกลัวจนเกินเหตุ
    รอยโรคส่วนมากในเต้านมจะตรวจเห็นได้จากคลื่นความถี่สูง (Ultrasonography) หรือเรียกทับศัพท์ว่า "อัลตร้าโซโนกราฟฟี่ " 
    ดังนั้นหมอจะสอดเข็มเข้าไปในรอยโรคผ่านการมองเห็นเข็มจากจออัลตร้าซาวนด์ตลอดจึงแน่ใจได้ว่าเจาะได้ตรงกับรอยโรคที่ตรวจเจอ ไม่ผิดแน่ และไม่โดนอวัยวะสำคัญอื่นๆแน่ 
    ดูขั้นตอน สำคัญๆ ตามภาพด้างล่างตามลำดับ

    1. หมอตรวจยืนยันตำแหน่งของรอยโรคด้วยเครื่องอัลตร้าซาวนด์และจุดน้ำหมึกที่ผิวหนังเพื่อเป็นสัญลักษณ์
    2. หมอจะทำความสะอาดผิวหนังบริเวณที่จะเจาะและคลุมด้วยผ้าปลอดเชื้อ
    3. หมอจะหุ้มหัวตรวจเครื่องอัลตร้าซาวดน์ด้วยถุงพลาสติกปลอดเชื้อ
    4. ฉีดยาชาเฉพาะที่เข้าผิวหนัง และฉีดลึกลงไปผ่านการมองเห็นภาพเข็มและรอยโรคบนจออัลตร้าซาวนด์ ขั้นตอนนี้ผู้ป่วยรู้สึกเจ็บเล็กน้อยระดับเท่าเจาะเลือดหรือฉีดวัคซีน
      ฉีดยาชา
    5. สอดเข็มสำหรับเจาะชิ้นเนื้อเข้าผ่านการมองเห็นจากอัลตร้าซาวนด์ ขั้นตอนที่เข็มตัดชิ้นเนื้อ ผู้ป่วยจะไม่เจ็บแล้วเนื่องจากฤทธิ์ยาชา การเก็บชิ้นเนื้ออาจจะถึง 2 ครั้งต่อรอยโรคหนึ่งรอย
      สอดเข็มพิเศษเข้าไปตัดชิ้นเนื้อ เล็งให้ตรงกับแนวของรอยโรค 
    6. ภาพบนจออัลตร้าซาวดน์เห็นเข็มแทงเข้าไปในตัวก้อนเนื้อเงอกอย่างชัดแจน จึงมั่นใจในความแม่นยำและความปลอดภัยของวิธีนี้
    7. เก็บรักษาชิ้นเนื้อไว้ส่งตรวจโดยพยาธิแพทย์ (แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านดูเซลล์เนื้อเยื่อร่างกาย) โดยทั่วไปจะทราบผลภายใน 7วัน
      ชิ้นเนื้อจากก้อนของเต้านมติดอยู่บนเข็มที่ตัดเนื้องอกผ่านรูแผลเล็ก

    8. เก็บรักษาชิ้นเนื้อเพื่อส่งให้พยาธิแพทยวิเคราะห์ผล
    9. ปิดแผลรูเข็มด้วยพลาสเตอร์กันน้ำ และกลับบ้านได้  ผู้ป่วยสามารถอาบน้ำได้เลยและเมื่อครบเวลา 24 ชั่วโมง รูแผลเข็มเล็กๆจะสมานแล้ว ให้แกะพลาสเตอร์ออกได้ โดยทั่วไปยาชาจะหมดฤทธิ์ภายใน 30 นาที แต่ผู้ป่วยส่วนใหญ่แทบไม่ต้องกินยาแก้ปวดเลย หรือกรณีที่ปวดเล็กน้อยอาจกินยาแก้ปวด พาราเซตามอล ได้
    ชมวิดีโอจำลองการเจาะเต้านมได้ที่นี่ ULTRASOUND GUIDED CORE NEEDLE BREAST BIOPSY
    นี่คือ ประสบการณ์การเจาะเต้านมจากผู้ป่วยท่านหนึ่งครับ

    คุณได้เข้าใจแล้วว่ากระบวนการเจาะชิ้นเนื้อไปตรวจไม่ได้น่ากลัวอะไรเลย หมอหวังว่าอ่านแล้วจะทำให้คุณผ่อนคลายลดความกังวลลงได้ 
    หากมีข้อสงสัยประการใด สามารถ ถามได้หรือเสนอข้อคิดเห็นในกล่องแสดงความคิดเห็นด้านล่าง หรือในเฟสบุ๊คแฟนเพ็จด้านขวานะครับ


    กลับ หน้า สารบัญบทความ


    Link พัฒนาตนเอง

    1. แนวทางพัฒนาการคิด
    2. กด like ให้drrattawach fanpage

    มะเร็งเต้านม ทำอย่างไรให้ตรวจเจอเร็ว?

    คุณทราบกันดีอยู่แล้วว่ามะเร็งเต้านมพบบ่อยเป็นอันดับต้นๆของมะเร็งในสตรีทั่วโลก
    ส่วนสาเหตุก็ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด ดังนั้นการป้องกันที่แน่นอนจึงไม่มี
    ดังนั้นจึงมีแต่เพียงการคัดกรองเพื่อให้ตรวจพบโดยเร็วที่สุด
    การคัดกรองที่มีความเหมาะสมจึงมีดังต่อไปนี้

    เริ่มตั้งแต่อายุ 20 ปีขึ้นไปตรวจเต้านมตนเองทุกเดือน ชมวิดีโอวิธีการตรวจด้านล่าง...



    หรืออันนี้
    การตรวจเต้านมตนเอง

    ตั้งแต่อายุ 40 ปีขึ้นไปควรมาตรวจคลำเต้านมโดยเจ้าหน้าทางการแพทย์ ทำเอกซเรย์เต้านมและอัลตร้าซาวนด์เต้านมทุก 1 ปี
    หากว่ามีประวัติที่เสี่ยงมากขึ้นหมอแนะนำให้เริ่มตรวจตั้งแต่ 35 ปี 
    ความเสี่ยงมากขึ้นกรณีไหนบ้าง?
    หลักๆเลย คือ ญาติสายตรงเป็นมะเร็งเต้านมคือ แม่ พี่ น้อง หรือตัวคุณมีก้อนเนื้องอกอยู่แล้ว
    รองๆลงมาคือ มีบุตรตอนอายุมากกว่า 30 ปี, การมีประจำเดือนก่อนอายุ 12 ปี, หมดประจำเดือนช้าตอนอายุ 55 ปี ,การไม่มีบุตร, การได้รับฮอร์โมนเอสโตรเจนเป็นเวลานานๆ
     การตรวจเอกซเรย์เต้านม (mammography)
    ผู้เชี่ยวชาญจะปรับตำแหน่งให้เหมาะสม เครื่องมือจะกดเต้านมให้แบนลงเพื่อให้ถ่ายภาพรังสีได้ชัดขึ้น แต่ไม่ต้องกังวลว่าจะเจ็บมาก  คุณจะได้รับปริมาณรังสีน้อยมาก เป็นระดับที่ไม่กระตุ้นให้เกิดมะเร็ง
    ภาพแสดงการตรวจเอกซเรย์เต้านม (MAMMOGRAPHY)


















    การตรวจเต้านมด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง (Ultrasonography)
    ใช้หลักการส่งคลื่นเสียงผ่านหัวตรวจไปยังเนื้อเยื่อเต้านมและรับสัญญานเสียงกลับคล้ายระบบโซนาของเรือดำน้ำคลื่นเสียงที่สะท้อนกลับในระดับต่างกันจะถูกคอมพิวเตอร์สร้างเป็นรูปภาพของเนื้อเยื่อภายในเต้านมซึ่งแพทย์สามารถแปลผลความผิดปกติได้


    การตรวจเต้านมด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง (Ultrasonography) ผู้รับการตรวจอยู่ในท่านอนชูแขนข้างนั้นขึ้นฝ่ามือรองใต้ศีรษะ ระหว่างหัวตรวจอัลตร้าซาวนด์และผิวสัมผัสเต้านมจะมี เจล(Jelly) ลดช่องว่างอากาศ ผู้รับการตรวจอาจรู้สึกเย็นจากเจลนี้ซึ่งจะถูกเช็ดทำความสะอาดหลังตรวจเสร็จ

    โดยเฉลี่ยระยะเวลาตรวจเอกซเรย์เต้านมจนกระทั่งเสร็จสิ้นการตรวจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูงของเต้านมจะไม่ควรเกินหนึ่งชั่วโมง 

    หากพบความผิดปกติที่ควรติดตามทุก 6 เดือนแพทย์แจ้งให้ทราบและนัดหมายคุณมาตรวจและใกล้ถึงเวลาจะโทรศัพท์ติดตามอีกครั้งเพื่อป้องกันการลืมนัดหมาย

    หากความผิดปกติที่ควรได้รับการพิสูจน์ชิ้นเนื้อโดยเร็ว แพทย์จะนัดหมายให้มารับการเจาะเก็บชิ้นเนื้อเพื่อการพิสูจน์โดยเร็ว


    กลับ หน้า สารบัญบทความ


    Link พัฒนาตนเอง

    1. แนวทางพัฒนาการคิด
    2. กด like ให้drrattawach fanpage

    หลอดเลือดดำขอด-รักษาผ่านรูเล็กๆ

    หลอดเลือดดำขอด
    หลอดเลือดดำขอด คือหลอดเลือดดำที่ป่องและหงิกงอ มักเกิดบริเวณขา ขาหนีบ ถุงอัณฑะ อวัยวะเพศหญิงก็ได้

    เหตุใด หลอดเลือดดำถึงเปลี่ยนเป็นเช่นนี้ได้?
    เพราะว่าหลอดเลือดดำนี้ทนแรงดันเลือดภายในไม่ไหว แล้วอะไรเป็นสาเหตุให้หลอดเลือดดำมันแรงดันสูงขึ้น? มาดูคำอธิบายกันจากภาพด้านล่าง
    ภาพแสดงการทำงานของลิ้นในหลอดเลือดดำในภาวะปกติ

    จากภาพขาขณะพักและขณะเดิน แสดงการทำงานของลิ้นในหลอดเลือดดำ ซึ่งกระจายตัวอยู่ในหลอดเลือดดำ ภาวะปกติเลือดดำไหลย้อนสวนทางแรงโน้มถ่วงของโลกได้ เพราะ 1) กล้ามเนื้อของขาบีบรัดให้หลอดเลือดหดตัว 2) ลิ้นในหลอดเลือดเป็นเหมือนประตูปิดไม่ยอมให้เลือดไหลขึ้นแล้วไหลย้อนกลับลงมาได้
     แต่ถ้าลิ้นอันใดอันหนึ่ง ปิดกั้นไม่สนิท ดังรูป

    ภาพ A: แสดงทิศทางเลือดไหลขึ้น ขณะเดียวกับลิ้นเปิดให้เลือดผ่าน ภาพ B: เมื่อเลือดจะไหลย้อนกลับลงมา แรงดันเลือดดันให้ลิ้นปิดสนิท เลือดจึงไม่สามารถย้อนลงมาได้ ภาพ C: เมื่อลิ้นปิดไม่สนิท เลือดสามารถไหลลงมากองด้านล่างได้ นานๆเข้าแรงดันเลือดที่มากขึ้นๆจะทำให้ผนังหลอดเลือดป่องออกและหงิกงอ เป็นหลอดเลือดดำขอด
     เลือดจะไหลตกลงมากองอยู่ในหลอดเลือดดำที่ขามากขึ้น แรงดันในหลอดเลือดจะมากขึ้น จนดันให้ผนังหลอดเลือดโป่งออกและหงิกงอ เป็นลักษณะของหลอดเลือดดำขอด
     หากลิ้นที่ทำงานผิดปกติ เกิดในหลอดเลือดดำเล็กมากๆและอยู่ตื้น รอยโรคจะแตกต่างออกไป เป็นเส้นเลือดใยแมงมุม ดังภาพ
    เส้นเลือดใยแมงมุม (Spider veins) ลักษณะเป็นหลอดเลือดฝอยกระจายเป็นร่างแห สีแดง สีม่วง สีน้ำเงิน ก็ได้
    เรารักษาเส้นเลือดใยแมงมุมเพื่อความสวยงาม ส่วนใหญ่แล้วไม่พบภาวะแทรกซ้อนที่ทำให้ปวดหรือเป็นแผลอักเสบแต่อย่างใด ส่วนใหญ่แล้วหมอให้การรักษาด้วยเลเซอร์หรือฉีดยาทำลายหลอดเลือดใยแมงมุมโดยตรง ดังวิดีโอ ด้านล่างนี้





    ถ้าเปิดวิดีโอไม่ได้ ให้ดู อีกทางเลือกหนึ่ง คลิ๊ก ลิงค์นี้ "ฉีดยารักษาหลอดเลือดใยแมงมุม"

    แต่การฉีดยาค่อนข้างให้ผลการรักษาดีกว่าเลเซอร์ที่ผิวหนัง เนื่องจากว่ายาสามารถเข้าไปรักษาหลอดเลือดต้นกำเนิดของเส้นเลือดใยแมงมุมได้มากกว่านั่นเอง

    บางคนรักษาเส้นเลือดใยแมงมุมแล้วกลับมาเป็นซ้ำอีก หมอจะตรวจอัลตร้าซาวด์ดูว่ามีลิ้นหลอดเลือดใดเสียบ้างเพื่อจะได้รักษาหลอดเลือดต้นตอนั้นๆ 

    กลับมาถึงเรื่องหลอดเลือดดำขอด กรณีที่เห็นด้วยตาเปล่าว่าเป็นเส้นเลือดขอดชัดๆ หลังจากหมอทำอัลตร้าซาวด์พบหลอดเลือดดำที่ลิ้นหลอดเลือดผิดปกติ จะแนะนำทางเลือกในการรักษา

     การรักษาเส้นเลือดขอดต้องรักษาเส้นเลือดที่มีลิ้นทำงานผิดปกติที่เป็นต้นตอของเส้นเลือดขอดซึ่งมีหลายวิธีดังนี้

    • ผ่าตัดดึงเส้นเลือดออก มีบาดแผลใหญ่หน่อย หลังผ่าต้องพักที่โรงพยาบาลเพื่อเฝ้าระวังภาวะเลือดออก ปวดแผลและการติดเชื้อ
    ภาพ
    แผนภาพตัวอย่างแสดงการผ่าตัด หลอดเลือดดำ greater saphenous ออกโดยวิธี Venous stripping โดยแพทย์จะเริ่มด้วยการให้ยาระงับความรู้สึกหรือยาสลบ ต่อมากรีดผิวหนังบริเวณต้นขาและข้อเท้า เพื่อค้นหาต้นและปลายของหลอดเลือดดำ great saphenous ตามลำดับ เสร็จแล้วจะกรีดหลอดเลือดดำ สอดแท่งเหล็กยาวๆที่ปลายเป็นหัวกระสุน(หัวเหมือนลูกศร) จากรูเปิดหลอดเลือดดำข้อเท้า มาโผล่ตรงขาหนีบ นำไหมรัดหลอดเลือดดำกับหัวกระสวยให้แน่น แล้วดึงแท่งเหล็กนี้ลงมายังข้อเท้า หลอดเลือดดำทั้งเส้นก็นจะหลุดออกมาทั้งเส้น เหลือโพรงช่องว่าง(ที่หลอดเลือดดำเคยอยู่ไว้) ซึ่งหลังจากเย็นบาดแผลแล้ว แพทย์์ต้องรัดขาทั้งขาด้วยผ้ายืดและถุงน่องเพื่่อให้ช่องว่างแนบสนิทกันป้องกันเลือดออกและการติดเชื้อ 


    • Stab avulsion คือการผ่าตัดเล็กโดยสร้างรอยกรีดเหนือจุดที่ต้องการตัดหลอดเลือดดำส่วนนั้นออก เสร็จแล้วใช้ตะขอเกี่ยวส่วนของหลอดเลือดดำนั้นขี้นมา ผูกรัดต้นและปลายของส่วนที่ต้องการตัดออกไว้ แล้วตัดออก ดังภาพด้านล่างต่อไปนี้ (ใช้กับหลอดเลือดผิดปกติที่สั้นๆ ตื้นๆ)
    ภาพแสดงการผ่าตัด stab avulsion ภาพบน แพทย์ทำรอยผ่าเล็กที่ผิวหนังเหนือหลอดเลือดดำส่วนที่ต้องการตัดออก แล้วใช่ตะขอเกี่ยวมันขึ้นมา ภาพกลาง แพทย์ใช้คีมหนีบปลายบนและปลายล่างของหลอดเลือดส่วนที่จะตัด ตัดหลอดเลือดขาดออกจากกัน แล้วจะใช้ไหมผูกหลอดเลือดไม่ให้รั่ว ภาพล่าง นำส่วนที่ตัดขาดออกมาจากผิวหนัง

     เสร็จแล้วก็ต้องรัดผ้าพันขาให้แน่นอีกครั้งหนึ่ง การผ่าตัดใช้การฉีดยาชา
    การรักษารูเล็ก  แบ่งเป็นสามแนวทางหลักๆ ได้แก่


    • การสอดท่อเพื่อปล่อยคลื่นความร้อนหรือทำลายหลอดเลือดดำ ซึ่งมีทั้งแหล่งกำเนิดความร้อนเป็นเลเซอร์ (Laser)และคลื่นวิทยุ (Radiofrequency) โดยฉีดยาชาแล้วแทงเข็มเข้าหลอดเลือดดำเหนือเข่า แล้วสอดท่อเข้าไปถึงต้นขา ต่อระบบกำเนิดความร้อนแล้วค่อยๆถอยสายออกทีละน้อยจนสายโผล่ออกมาหมด ปิดแผล

    การรักษาเส้นเลือดขอดด้วยเลเซอร์ในหลอดเลือด 1.หลังจากแทงเข็มเข้าหลอดเลือดดำได้แล้ว จะร้อยลวดนำตามด้วยท่อขนาดใหญ่ขึ้นจนในที่สุดก็สอดสายนำความร้อนเลเซอร์เข้าไปภายในท่อหลอดเลือดถึงโคนขา 2. หลุังจากฉีดยาชารอบๆหลอดเลือดดำทั่วแล้ว ก็ต่อสายนำเลเซอร์กับเครื่องกำเนิดเลเซอร์ปรับระดับความร้อนให้เหมาะสมตามกำหนดต้องอาศัยประสบการณ์ ไม่เช่นนั้นผิวหนังจะไหม้มากได้ 3. ระหว่างปล่อยความร้อนก็ถอยสายออกที่ละน้อยจนหมดในที่สุด 4. หลอดเลือดดำที่ถุกความร้อนจะไหม้และฝ่อไปเมื่อเวลาผ่านไป


    •  ฉีดยาทำลายผนังหลอดเลือดดำ แล้วรอให้หลอดเลือดดำฝ่อตัวไปเอง วิธีนี้เป็นวิธีที่หมอรัฐวัชร์ทำอยู่มากที่สุด เพราะถึงแม้จะไม่ใช่วิธีที่ให้ผลเลิศสุด แต่ก็ให้ผลดีด้อยกว่าเพียงเล็กน้อยแต่ราคาถูกกว่ามาก ดังรูปตัวอย่าง

    ภาพบนสุดคือ การใช้อัลตร้าซาวด์สแกนภาพหลอดเลือดดำต้นกำเนิดของหลอดเลือดขอด แล้วหมอจะสอดเข็มฉีดยาเข้าไปในหลอดเลือดดำ ภาพกลางคือภาพการฉีดยาในรูปของโฟมเข้าไปในท่อของหลอดเลือดและไปเกาะผนังหลอดเลือดดำ ตัวยาจะไประคายเคืองผัวหลอดเลือดดำ ทำให้หลือดเลือดอุดตันไปในที่สุด ภาพล่าง เมื่อเวลาผ่านไปหลายๆเดือนหลอดเลือดดำจะฝ่อตัวลงไม่มีเลือดไหลผ่าน เลือดในเส้นเลือดขอดจะไหลไปเส้นทางอื่นที่ลิ้นทำงานปกติ เส้นเลือดขอดจะแฟบเล็กลง

    หลังการฉีดยาและปิดพลาสเตอร์ก็สวมถุงน่องเส้นเลือดขอด

    เส้นเลือดขอดก่อนและหลังการรรักษาด้วยการฉีดยา

    • วิธีที่สาม การฉีดยาที่หน้าที่เป็นกาวยึดผนังหลอดเลือดดำ ชื่อทางการค้า venaseal เป็นการสอดท่อเล็กๆเข้าไปในหลอดเลือดดำที่ผิดปกติ แล้วฉีดยาตัวนี้เข้าไป ขณะเดียวกันก็กดหลอดเลือดดำนั้นให้แบนติดกัน กาวนี้จะยึดให้หลอดเลือดดำแฟบตัวถาวร จึงป้องกันไม่ให้เลือดไหลผ่านหลอดเลือดนี้อีกต่อไป นานวันไปหลอดเลือดดำขอดจะหายไป ยังเป็นวิธีที่ราคาสูง ลองดูวิดีโอการรักษาวิธีนี้ทางลิงค์นี้ Venaseal

    เปรียบเทียบผลการรักษาวิธีต่างๆ
    การผ่าตัด ทั้งคนไข้และหมอไม่อยากผ่าตัดหากมีทางเลือกรักษาแบบรูเล็กได้ แต่กรณีที่ไม่มีแพทย์หรือเครื่องมือในท้องถิ่นนั้น การผ่าตัดก็อาจมีใช้บ้าง
    การรักษาผ่านการสอดสายและปล่อยความร้อน (เลเซอร์หรือคลื่นวิทยุ) ให้ประสิทฺธิ์ภาพในการทำให้หลอดเลือดดำฝ่อยอดเยี่ยม ถ้าคะแนนเต็มสิบต้องให้เต็มเลยครับ  แต่ค่ารักษาต้องแพงแน่นอน เพราะอุปกรณ์เลเซอร์หรือคลื่นวิทยุต้องเช่าจากบริษัทผู้ผลิตซึ่งคิดค่าเช่าแพง ประมาณว่า ค่ารักษาด้วยวิธีนี้ในโรงพยาบาลเอกชนต้องไม่ตำกว่า 50,000 บาทต่อครั้ง หากใครทำทีโรงพยาบาลของรํฐและได้ราคาที่ถูกกว่านี้ก็น่าสนใจนะครับ อีกอย่างนะครับไม่ใช่ว่าจะใช้ได้กับหลอดเลือดทุกเส้นนะครับ ถ้าเส้นคดเคี้ยวก็สอดสายเข้าไม่ได้หรือยาก
            Venaseal  วิธีใหม่ ข้อดีคือ ทำเสร็จไม่ต้องใส่ถุงน่องหลังรักษาเลย แต่ราคาสูงมาก (สองแสนกว่าบาท)
    การฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำ ให้ผลสำเร็จประมาณ 70% (จากการฉีดหนแรก) ของวิธีปล่อยความร้อนและข้อดีอีกอย่างคือฉีดได้เกือบทุกที่ทั้งหลอดเลือดที่สั้นคดเคี้ยวก็ได้ และหากการรักษาครั้งแรกยังอุดเส้นเลือดไม่ได้หมด จะฉีดซ้ำครั้งที่สองหรือสาม ก็เพิ่มโอกาสสำเร็จเพิ่มเป็นเกือบ 100% ได้ วิธีนี้ราคาถูกที่สุด ไม่ต้องเตรียมการยุ่งยาก ไม่ต้องงดน้ำหรืออาหาร ไม่ต้องเช็คเลือด หลังทำเสร็จใช้พลาสเตอร์ปิดแผลรูเข็ม สวมถุงน่องเส้นเลือดขอดและกลับบ้าน ภายในสัปดาห์แรกไม่อนุญาตให้ถอดถุงน่อง อาจจะต้องทนคันหน่อยสำหรับบางคน แล้วหมอนัดมาตรวจอัลตร้าซาวด์ดูว่าเส้นเลือดดำที่ฉีดยาอุดตัน 100% หรือไม่ ถ้าไม่จะฉีดยาเสริมเข้าไปอีกหน่อยถ้ารักษาหายไปแล้วเวลาผ่านไป มีเส้นเลือดขอดโผล่มาในตำแหน่งอื่น ก็อย่าเพิ่งโทษคุณหมอว่ารักษาไม่ดี มาทำอัลตร้าซาวด์วินิจฉัยก่อน เพราะคนที่เคยเป็นเส้นเลือดขอด ก็มักจะมีลิ้นหลอดเลือดดำเสียเพิ่มเติมในตำแหน่งอื่นอีกได้ หลอดเลือดดำของคนเรามีลิ้นอยู่หลายสิบจุด มันจะเสียตรงไหนเพิ่มอีกก็ได้

     เส้นเลือดขอดมีวิธีรักษาหลายวิธี แล้วแต่คุณจะมีโอกาสได้พบกับผู้เชี่ยวชาญการรักษาแบบไหน แต่อย่างไรก็ตาม เส้นเลือดขอดก็อาจจะเกิดในตำแหน่งใหม่ๆ ได้อีกภายหลังรักษา เนื่องจากลิ้นอื่นๆของหลอดเลือดดำซึ่งเป็นประตูปิดกันไม่ให้เลือดไหลย้อนเกิดทำงานบกพร่องขึ้นในตำแหน่งใหม่ จึงอย่าคิดว่าหมอไม่เก่ง เลี้ยงไข้อะไรทำนองนี้ (ถ้าคุณหมอเขารักษาที่ต้นตอจริงๆแล้วนะ) อย่าเพิ่งหมดกำลังใจครับ 
    ขอเป็นกำลังใจให้ผู้ที่กำลังพบปัญหานี้ และแก้ไขได้โดยเร็วครับ
    กลับ หน้า สารบัญบทความ


    Link พัฒนาตนเอง

    1. แนวทางพัฒนาการคิด
    2. กด like ให้drrattawach fanpage